Wednesday, June 15, 2016

หน้าที่ของลูกผู้ชาย



ในชีวิตหนึ่งที่เราได้เกิดมาลูกชาย เป็นบุตรของผู้เป็นแม่ ความคาดหวังต่างๆจากคนเป็นแม่ย่อมมีฝันและภาพที่จะเลี้ยงลูกให้สมบูรณ์แบบในคำว่า ลูกผู้ชาย การถูกฟูมฟักมาจากการเลี้ยงดูให้สมชายจึงเป็นหน้าที่หลักของพ่อและแม่ การเป็นตัวอย่างที่ดี การอบรมสั่งสอนจึงออกมาในแนวทางที่ให้ เด็ดเดี่ยว กล้าตัดสินใจ อดทน ไม่ท้อถอยกับอะไรง่ายๆ ในส่วนนี้หน้าที่หลักๆย่อมมาจากครอบครัว การหล่อหลอมจากสังคมก็มีส่วนที่ทำจะทำให้ ชายสมชาย ลูกผู้ชายจึงมีหน้าที่ที่ต้องทำไปในตัว แบ่งตามหลักๆได้ 3 ข้อดังนี้

1.การบวช ด้วยความโชคดีที่ได้เกิดมาบนโลกนี้ โชคดีที่ได้เกิดมาเป็นลูกผู้ชาย  แต่ในเมื่อเกิดมาเป็นผู้ชายแล้วก็ต้องทำตามประเพณีของแต่ละศาสนาชาวพุทธ เมื่อเราถึงกำหนดเกณฑ์อายุครบ20ปีบริบูรณ์ นั่นก็คือการที่เราต้องบวชเป็นพระนั่นเอง 


-    การบวชทดแทนคุณบิดามารดา นับเป็นการคาดหวังของพ่อแม่ที่จะได้เห็นผ้าเหลืองที่ลูกได้บวช หากลูกผู้ชายคนใดที่ได้บวชทดแทนบุญคุณพ่อและแม่ถือว่ามีบุญมากที่ได้ทำหน้าที่ของลูกผู้ชายได้ทำตามประเพณีของศาสนา  นี่คือสิ่งที่ลูกผู้ชายทุกคนต้องทำตามประเพณี บางคนก็ไม่มีโอกาสที่จะได้ทำด้วยหน้าที่หรือความจำเป็นต่างๆ ทำให้ละเลยในเรื่องของการบวช นับว่าน่าเสียดายเป็นอย่างมาก ประเพณีนี้คือหน้าที่ที่ลูกผู้ชายทุกคนต้องทำตาม
-    บวชเพื่อสืบทอดศาสนา โดยชายไทยต้องบวชเมื่ออายุได้ 20 ปีบริบูรณ์ อย่างที่เรียกว่า บวชพระ เพื่อต้องทำการศึกษาพระธรรมนำคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ามาใช้ในการดำรงชีวิต ชายใดได้ได้บวชเพื่อการนี้ถือเป็นบุญอันยิ่งใหญ่ที่ได้สืบทอดพุทธศาสนา

2. ทหาร  คำว่ารั้วของชาติ คำว่าชายชาติทหาร คืออะไร คือการที่เราได้มีโอกาสที่รับใช้ชาติ ได้ปกป้องบ้านเมือง รักษาความสงบของบ้านเมือง รักษาอธิปไตยในประเทศ นั่นหมายถึงการทำหน้าที่อันยิ่งใหญ่การเป็นทหารเกณฑ์ทุกคนในประเทศไทยที่เป็นลูกผู้ชาย จะต้องได้รับการเกณฑ์ทหารทุกคน ถ้าใครไม่ผ่านการเกณฑ์ทหารถือว่าหนีทหารและก็ผิดกฎหมายของบ้านเมืองด้วย มีโทษจำคุก(ของทหาร)และนั่นอาจจะหมายถึงคำว่าไม่ใช่ลูกผู้ชายที่แท้จริง หลายคนไม่อยากเป็นทหาร กลัวการฝึกที่หนัก เงินเดือนน้อยเมื่อเราได้เป็นทหารหลายคนทำใจไม่ได้ ที่ต้องมาวิ่งตั่งแต่ตี4 กินข้าวเป็นเวลาและมีระเบียบวินัยมาก 


ต้องฝึกหนักแทบขาดใจใต้คำสั่งผู้บังคับบัญชาฯสั่งให้ทำอะไรก็ต้องทำตามทุกคำสั่งแต่ก็มีอีกหลายคนอยากที่จะเป็นทหารใจแทบขาด ทุกสิ่งทุกอย่างมันมีเหตุและผลในตัว เราต้องวิ่งทำไมวิ่งเพื่อเอากำลังขาไว้เวลาฝึกไปรบ เราต้องมีกำลังในร่างกายก่อน เพราะในสนามรบทุกคนต้องเอาตัวเองให้รอด รักษาชีวิตของตัวเองให้ได้เมื่ออยู่ในสนามรบ คนจะกินข้าวก็ต้องรอให้พร้อมกัน ฝึกทำไมหนักๆ พ่อแม่สั่งยังไม่ทำผู้บังคับบัญชาเป็นใคร? ถ้าไม่มีระเบียบวินัยจะเรียกว่า ทหาร ได้อย่างไร การที่ฝึกให้หนักๆแทบขาดใจ ถ้าเราไม่เชื่อฟังผู้บังคับบัญชาซึ่งเป็นผู้รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เหมือนเรามาอยู่บ้านผู้อื่นเราต้องฟังเจ้าของบ้าน เคารพกฎกติกาเฉกเช่นเดียวกับผู้อื่น ครั้งหนึ่งในชีวิตของลูกผู้ชายที่ได้รับใช้ชาติและบ้านเมือง ได้บำเพ็ญประโยชน์ ได้มีระเบียบวินัยให้ตัวเอง ได้มีความอดทนและรู้จักวิธีการเอาตัวรอดให้กับตัวเอง การสละชีพเพื่อชาตินี่ละที่ใครๆเรียกว่ารั้วของชาติ

3. ผู้นำครอบครัว การที่จะเป็นผู้นำในครอบครัวได้ ต้องมีคุณสมบัติอย่างไรที่จะทำให้คนในครอบครัวมีความสุข คงไม่ใช่แค่การหาเงินมาให้ใช้ได้ภายในครอบครัวเพียงเท่านั้น หากแต่การดูแลสารทุกข์สุขดิบ การเอาใจใส่ การกล้าตัดสินใจนำครอบครัวไปสู่ความสุขนั่นก็เป็นอีกเหตุผลหลักให้หน้าที่ของฝ่ายชายโดดเด่นขึ้นมา จริงอยู่อย่างที่ว่าสมัยปัจจุบันนี้ผู้หญิงเองก็สามารถมีอะไรได้เท่าๆกับหรือดีกว่าฝ่ายชาย แต่หากภาวะเหล่านี้ฝ่ายชายไม่สามารถพัฒนาความเป็นผู้นำได้ ในคำว่าครอบครัวดูเหมือนจะมีความหมายที่ไม่สมบูรณ์นัก เราไม่ได้กล่าวถึงว่าใครนำใครเก่งกว่า หากแต่ภาวะเหล่านั้นจะช่วยเสริมสร้างสถาบันครอบครัวให้สมดุลเพียงเท่านั้นเอง

    ด้วยหน้าที่ 3 อย่างที่ผู้ชายพึงมีพึงทำพึงตระหนักว่า หน้าที่นั้นสำคัญเพื่อกล่อมเกลาความเป็นชายให้สมชายเพียงเท่านั้น หากสามารถนำบทบาทหน้าที่นั้นมาหล่อหลอมได้ ความสมดุลต่างๆก็จะสามารถดำเนินไปได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทุกอย่างมีหน้าที่ในตัวเองมีบทบาทตามขั้นตอนของชีวิต ด้วยเหตุนี้สิ่งที่ควรดำรงไว้อย่างสืบเนื่อง ประเพณีปฏิบัติจนไปถึงการนำหน้าที่นั้นไปใช้จึงไม่ใช่การผลักภาระให้ฝ่ายใดฝ่ายเดียว เพศไม่ใช่ข้อแตกต่างในการดำรงชีวิตซะทีเดียว หากแต่การสร้างสมดุลต่างหากที่เราควรใส่ใจ

เก้าอี้หัดนั่ง พัดลมมือถือ สบู่อาหรับขิง

Wednesday, June 1, 2016

สอนลูกสาวให้ขึ้นชื่อได้ว่า สมหญิง



เมื่อเรามีบุตรสาว มีหลายสิ่งที่ต้องเป็นห่วงกังวล ไม่ว่าจะเรื่องการใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง การดูแลตัวเองในเรื่องสุขลักษณะ การมีจริต กิริยา วาจาที่สวยงาม ผู้ปกครองจะเลือกเน้นเฟ้นหาสิ่งที่สวยงามและดีที่สุดให้เพื่อปรุงแต่งบุคลิกภายนอกให้ดูเหมือนได้เล่นตุ๊กตา นั่นคือความสวยงามจากภายนอก แต่จากภายใน การปลูกฝังให้เด็กรักสวยรักงามมีพฤติกรรมที่น่ารักสมวัย และอีกหลายท่านคงครุ่นคิดหนักว่าจะทำเช่นไรดีให้เด็กได้มีกิริยา ถ้อยคำ การแสดงออกให้สมหญิง ไม่ใช่เพียงตั้งชื่อให้ไพเราะ ติดกิ้ป ติดโบว์ ใส่กระโปรงให้ แลดูว่านี่คือเด็กผู้หญิง ผู้ปกครองควรใส่ใจกับเรื่องอะไรบ้างให้การดูแลอย่างไรเพื่อให้ลูกสาวได้มีพฤติกรรมที่เหมาะสมพร้อมสรรพกับคำว่าได้ลูกสาว โดยที่จะไม่ประพฤติปฏิบัติให้ออกนอกลู่นอกทางก่อนวัยอันควรไปที่ไหนมีแต่คนมอง และชื่นชมในความน่ารักในจริตที่เด็กผู้หญิงพึงมี

ข้อควรปฏิบัติเมื่อมีลูกสาว

1. ผู้ปกครองควรใช้ถ้อยคำ พูดจาไพเราะที่ควรเป็นไปอย่างสุภาพด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ใช้สรรพนามที่แสดงถึงความรัก เช่น แม่ ลูก พี่ น้อง ไม่ควรใช้คำหยาบแทนคำสรรพนามที่เรียกลูก ไม่พูดจากระโชกโฮกฮาก เสียงดังเกินความจำเป็น หลีกเลี่ยงการตะโกนและกล่าวคำไม่สุภาพ

2. การเลิก ละ สิ่งต้องห้ามต่างๆที่เป็นสิ่งมอมเมา อาทิ เหล้า บุหรี่ ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้แก่เด็ก

3. การใช้อากัปกิริยาที่อ่อนน้อมถ่อมตน มีความเคารพต่อผู้ใหญ่ บุพการี เพราะจะเป็นตัวอย่างที่ดีได้เมื่อลูกได้โตขึ้นไปและนำไปเป็นแบบอย่าง

4. การรักษาความสะอาดของตนเอง ผม เล็บมือเล็บเท้า ควรตัดและทำความสะอาดอยู่เป็นประจำไม่หมักหมมสกปรกน่ารังเกียจแก่ผู้พบเห็น 

5. การแต่งกายให้สุภาพ ไม่เปิดไม่เว้าไม่สั้นจนเกินงาม แต่งกายปกปิดมิดชิดและควรสอนให้มีความระมัดระวังในอากัปกิริยาเมื่อต้องใส่กระโปรงไม่ยกขาสูงและควรเสริมด้วยเสื้อซับในเพื่อเป็นการสร้างความคุ้นเคยให้แก่เด็กตั้งแต่เยาว์วัย

6. การเก็บและรักษาความสะอาดของเครื่องใช้ต่างๆควรมีระเบียบในการจัดเก็บให้เข้าที่เข้าทาง ควรหมั่นทำความสะอาดอยู่เป็นประจำ  เช่น สอนให้เก็บที่นอนทุกเช้า แปรงฟันแล้วเก็บเข้าที่ การถอดเก็บเสื้อผ้า การจัดระเบียบเครื่องประดับให้ดูสวยงามและหยิบใช้ได้ง่าย เพื่อที่เด็กจะสามารถนำส่วนนี้ไปใช้ในเรื่องของการจัดระเบียบความคิดได้เมื่อโตขึ้นไป

6. การสอนให้ลูกรู้จักเข้าครัวบ้าง พาไปตลาดบ้าง สอนหลักการเทคนิคต่างๆในการทำอาหารเบื้องต้นง่ายๆ รู้จักการเลือกซื้อของสด สอนวิธีการเก็บรักษา ถนอมอาหารอย่างง่ายๆ ไม่ใช่เพียงการซื้อรับประทานเพียงอย่างเดียว ซึ่งเด็กจะไม่รับการปลูกฝังในเรื่องของแม่ครัวเลย เมื่อโตขึ้นไปจะใช้ชีวิตอย่างง่ายๆ

7. สอนให้ลูกรู้จักทำงานบ้านในส่วนที่ช่วยได้ เช่นพับผ้าเช็ดมือ ทิ้งขยะให้เป็นที่ เช็ดถูเมื่อตนเองทำของหกเรี่ยราดไม่หวังรอให้ผู้ปกครองมาทำให้

8. การสอนให้ลูกรู้จักเลือกเพื่อนเล่นในวัยเดียวกัน สอนให้รู้จักการแยกแยะเกมส์ กีฬาสำหรับผู้ชาย ส่งผลให้ลูกรู้จักวิธีการวางตัวและเข้าสังคมในอนาคตได้

9. การไม่ปล่อยให้เด็กเล่นกับเด็กผู้ชายตามลำพัง เพราะความเป็นนักสำรวจ สนใจในเพศตรงข้าม ซึ่งในบางครั้งเด็กอาจมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเมื่อคลาดสายตาผู้ใหญ่ได้

10. การสอนให้เด็กรู้จักรักนวลสงวนตัว ไม่ปล่อยตัว รักษาจริตกิริยาการวางตัวเมื่ออยู่กับเพศตรงข้ามโดยสม่ำเสมอ

11. การสอนเด็กให้รู้จักเลือกเสพสื่อ ข่าวสาร กลั่นกรอง วิเคราะห์ ข้อดีข้อเสียเพื่อใช้เป็นหลักในการวิเคราะห์คัดเลือกสิ่งต่างๆที่จะเข้ามาในชีวิตได้

ด้วยหลักปฏิบัติทั้ง 11 ข้อ หากทำได้ผู้ปกครองคงจะอุ่นใจได้ไม่น้อยเมื่อต้องเทียบกับสังคมในยุคปัจจุบันที่มีแต่สิ่งเลวร้าย มอมเมา ยั่วยุให้เด็กอาจหลงผิดได้อีกทั้งสิ่งต้องทำเป็นอย่างยิ่งคือการเป็นแม่แบบที่ดี เพราะต่อให้มีการเรียนการสอน วิชาคหกรรม จริยธรรม แล้วแต่บุคคลในครอบครัวไม่ได้ร่วมมือกันทำให้เด็กดูเป็นตัวอย่าง การสอนสิ่งต่างไปย่อมสูญเปล่าโดยสิ้นเชิง เทียบได้กับว่ามีลูกสาวนิสัยอย่างไรเปรียบได้กับกระจกสะท้อนเงาตัวผู้ปกครองเองด้วยเช่นกัน

เก้าอี้หัดนั่ง พัดลม USB สบู่อาหรับขิง

Tuesday, May 24, 2016

ลูกในวัยอนุบาล.."มีแฟน"!



         คงเป็นเรื่อง ที่น่าตกใจมากเมื่อลูกเดินมาบอกว่า"หนูมีแฟน" ด้วยวัยเพียง 3-5 ขวบ เกิดอะไรขึ้นกับสังคมในปัจจุบัน สิ่งแวดล้อมในโรงเรียน ความเอาใจใส่จาก ผู้ปกครองและครูบาดตกบกพร่องตรงไหนกัน เด็กอาจพูดแค่สนุกปากแต่ในใจ ผู้ปกครองแล้วนั้นคงจะวิตกไม่น้อยหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เราควรจะแก้ปัญหาตรงจุดไหน อย่างไรเพื่อไม่ให้วิถีชีวิตที่ลัดขั้นตอนขนาดนี้เกิดขึ้นได้ในวัยอันไม่สมควร

วิเคราะห์สาเหตุ:

 1.การดูสื่อมากเกินไป ทั้งๆที่มีการแจ้งเตือนช่วงก่อนเข้าละครแล้วนั้นว่าเหมาะสำหรับวัยไหน แต่คงไม่อาจกีดกั้นความอยากรู้อยากเห็นช่างจดจำไปได้แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธไม่ให้เด็กดูได้เช่นกัน

2. การละเลยความเอาใจใส่ที่เข้มงวดกับบางเรื่องของผู้ปกครองเอง ที่ไม่แนะนำให้เด็กเข้าใจพฤติกรรมบางอย่างที่ไม่ได้ผิดหากแต่ยังไม่ถึงเวลาที่จะทำในตอนนั้น การที่ ผู้ปกครองเห็นเป็นเรื่องไม่น่าวิตกกังวลนั้นถือว่าเป็นการสร้างพฤติกรรมแฝงให้เด็กรับรู้ว่านั่นคือสิ่งที่ทำได้

3. การที่ผู้ปกครองรู้สึกสนุก ตลกไปกับคำพูดของเด็กว่ามีแฟนแล้ว เป็นสิ่งที่เรียกได้ว่าส่งเสริมกันเลยทีเดียว เมื่อผู้ใหญ่ไม่ได้ห้าม ไม่ทักเลยอีกทั้งส่งเสริมไปด้วยเด็กจึงคิดว่าสิ่งนั้นไม่ผิดเลย เสมือนให้ท้าย

4. การละเลยจากฝ่ายครู อาจารย์ที่ไม่ดูแล และขาดความรับผิดชอบต่อสังคม ด้วยว่าครูเป็นผู้ดูแลสังคมที่เป็นหมู่คณะแต่ขาดคุณสมบัติดังกล่าว เด็กจึงคิดว่าในสังคมโรงเรียนเด็กสามารถจับคู่ได้เพศชายหญิง เล่นบทบาทสมมุติพ่อแม่ที่เกินจริง (เนื่องด้วยที่บ้านไม่สามารถทำได้) ระหว่างเพศชาย/หญิงเลือกเฟ้นจากหน้าตาเป็นหลัก จึงเกิดการจับคู่อีกทั้งเพื่อนๆที่คอยล้อเลียนจนเกิดความเคยชินในพฤติกรรมนี้

5. เด็กมีปมด้อยในเรื่องของครอบครัวไม่ครบจึงสรรหาสิ่งทดแทนในเพศตรงข้ามก่อนวัยอันควรมากและเร็วเกินไป รวมไปถึงขาดในเพศเดียวกันเช่นลูกสาวขาดแม่ ลูกชายขาดพ่อ

6. เพื่อนเล่นแถวบ้านมีเพศตรงข้ามมากเกินไป เช่นมีลูกสาวแต่ทั้งหมู่บ้านมีเพื่อนเล่นเพศชายเกิน80% เด็กจึงเกิดความเคยชินในการได้สัมผัสเพื่อนต่างเพศได้มากขึ้นตามไป

7. เด็กขาดการได้รับการส่งเสริมที่เหมาะสม มีขีดจำกัดในการเล่น เช่นเด็กผู้หญิงเล่นแต่ตุ๊กตาไม่เคยมีหุ่นยนต์หรือเครื่องมือซ่อมแซมบ้านเลย เมื่อได้เห็นเพื่อนชายเล่นของเล่นของเพศตนเองจึงเกิดความประทับใจว่าเก่ง เท่ห์ อยากอยู่ใกล้ๆเพื่ออาจจะมีโอกาสได้เล่นหรือสัมผัสบ้าง จึงเกิดความรู้สึกที่ว่าอยากเพื่อนต่างเพศมาคอยทดแทนสิ่งที่ขาดหายไป ทั้งๆที่ตนก็สามารถเล่นได้แต่ขาดการส่งเสริมที่ดี

แนวทางแก้ไข:

1.    ลดปัญหาจากการดูทีวี ละคร สื่อต่างๆที่ส่งเสริมไปในทางที่ไม่ดี หรือจำเป็นต้องดูควรคอยให้คำแนะนำในขณะที่ดูร่วมกัน คอยสอน ยกตัวอย่างเปรียบเทียบสิ่งที่ดีและไม่ดี ควรทำหรือไม่ควรทำ และควรทำในวัยไหนเมื่อไหร่ ไม่กีดกั้นแต่ไม่ได้ส่งเสริม อาจจะยากมากเพราะทั้งในละคร สื่อและชีวิตจริงเป็นสิ่งที่เด็กเห็นตลอดเวลา ควรให้คำแนะนำตามสถานการณ์ที่พบเจอ

2.    ควรใส่ใจกับพฤติกรรมลูกตั้งแต่วัยเด็กว่ามีความสนใจไปทางไหนเป็นพิเศษ เป็นไปในทิศทางใด เพื่อที่จะสามารถป้องกันดูแลได้ทันเวลา การให้ความใส่ใจนั้นไม่ใช่เพียงแต่การสอนให้มีพัฒนาการที่ดี เรียนหนังสือเก่ง หากแต่การใช้ชีวิตในสังคมวงกว้างที่มีหลายระดับอายุอยู่ด้วยนั้นเป็นข้อจำกัดในการสร้างภาพให้เห็นความแตกต่าง ผู้ปกครองจึงควรถือโอกาสนี้ให้คำแนะนำไปในตัวเลย

3.    ชัดเจนในคำสั่งสอน ให้เด็กรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่ผู้ปกครองเน้นย้ำ ไม่เพียงแต่การปล่อยไปตามคำพูดของเด็ก และหมั่นทบทวนคำสอนนั้นเป็นระยะไม่ทิ้งช่วงเพราะเด็กอาจหลงลืมไปได้ตามเวลาและวัย และควรเป็นอย่างยิ่งที่จะคอยตรวจสอบทัศนคติของเด็กเกี่ยวกับเรื่องเพศศึกษา รับฟังและคอยแนะนำเด็ก ถามไถ่ถึงวิธีแก้ปัญหาจากตัวเด็กเองเพื่อให้คำสั่งสอนนั้นเป็นกลางและเด็กสามารถยอมรับได้ด้วยว่าตนเองมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหานั้นด้วยตัวเอง

4.    คอยสอบถามพฤติกรรมเด็กจากครูผู้สอนว่าในขณะอยู่ที่โรงเรียนนั้นมีพฤติกรรมอย่างไร ออกไปในทางไหน การเข้าสังคมของเด็กเป็นเช่นไร เช่น ชอบเล่นกับเด็กผู้ชายหรือผู้หญิงมากกว่ากัน ยามว่างเด็กทำกิจกรรมอะไรบ้าง และควรสอบถามถึงแนวทางร่วมกันแก้ปัญหาหากเกิดปัญหาเรื่องนี้ขึ้น ในลักษณะขอความร่วมมือไม่ใช่บังคับครูให้ดูแลเด็กของเราเป็นพิเศษ อาจเกิดความไม่พอใจและละเลยไปเลยก็ได้

5.    ควรสอนให้เด็กยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นในครอบครัวเมื่อต้องมีบุคคลใดบุคคลหนึ่งหายไปให้เด็กปรับสภาพ และคอยสอบถามถึงความต้องการทดแทนของเด็กอยู่เสมอ เมื่อเด็กขาดความรักมักจะหาสิ่งทดแทนผู้ปกครองจึงควรใส่ใจที่จะคอยสังเกตพฤติกรรมด้วยเช่นกัน
6.    คอยจำกัด ดูแล และสอนในการคัดเลือกการเล่นกับเพื่อนให้รู้ว่าเพื่อนแบบไหนดีไม่ดี ลักษณะการเล่นของเด็กชายและเด็กหญิงต่างกันอย่างไร

7.    สร้างความสมดุลในการเล่น ให้ได้เล่นทั้งของเล่นเด็กชายและเด็กหญิง เด็กจะทราบเองว่า อะไร อย่างไรที่เหมาะสมกับตัวเค้า หากไม่มีให้เลือกเลยเด็กจะคอยมองแต่สิ่งที่ไม่มีและจะค้นคว้า ทำทุกอย่างให้ได้มาหรือได้มองใกล้ๆก็พอใจแล้ว เมื่อเด็กได้ใกล้ชิดกับเพศตรงข้ามมากเกินไป เด็กจะซึมซับและเกิดความใกล้ชิดกันบางทีอาจจะเกินขอบเขตเป็นที่แปลกตาแก่คนทั่วไป ทั้งนี้ไม่ได้จำกัดมากแต่หากเกิดความสมดุลแล้วเด็กจะพัฒนาไปทางที่ดีขึ้น

หากเราให้ความสนใจแต่เรื่องเรียน การเล่น จนไม่มองพฤติกรรมลูกที่ค่อยๆเปลี่ยนไปนั้นอาจส่งผลเสียในภายหลังและอาจไม่ทันได้แก้ไขใดๆได้ การใกล้ชิดก่อให้เกิดความผูกพันและอยากยึดครองสิ่งนั้นมาเป็นของตน เด็กก็เช่นเดียวกัน อำนาจที่แสดงออกได้อาจไม่ใช่การพาไปดูหนัง กินข้าว หากแต่เป็นเพียงการสร้างจินตนาการขึ้นเองและแสดงออกในทางคำพูดมากกว่า อาจมีปฏิกิริยาร่วมเช่น เขินอายเมื่ออยู่ใกล้ การแบ่งขนมให้ หากผู้ปกครองแนะนำส่งเสริมไปในทางที่ดีเด็กก็จะเรียนรู้ได้ว่า การมีเพื่อนต่างเพศไม่ใช่เรื่องผิดแต่ควรวางตัวให้เหมาะสมเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับอีกฝ่าย อีกทั้งยังเป็นการรักษาระดับหน้าที่ของวัยเด็กที่ควรมุ่งแต่การศึกษาเป็นหลัก ไม่ออกนอกลู่นอกทางก่อนวัยอันควร จึงควรได้มีการร่วมมือกันระหว่างเด็ก ผู้ปกครองและครู เพื่อให้เด็กได้มีการเจริญเติบโตที่น่ารักสมวัยต่อไป


เก้าอี้หัดนั่ง พัดลม USB สบู่อาหรับขิง

Sunday, May 15, 2016

สอนลูกชายให้เป็นสุภาพบุรุษ



น่าจะเป็นภาพที่น่ารักหากเราได้มีลูกชายเดินจูงมือ ถือของให้คอยให้การช่วยเหลือปกป้องแม่ได้ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง เมื่อเรามีลูกชาย สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นในใจคือคำว่า สุภาพบุรุษ ในสายตาของคนรอบข้างจึงเป็นที่น่าชื่นชมนักหากภาพที่เห็นนั้นคือลูกชายของเราเองที่กำลังแสดงความเป็นสุภาพบุรุษออกมาให้คนพบเห็นจนน่าอิจฉา ความเป็นสุภาพบุรุษของผู้ชายนั้นเราสามารถปลูกฝังได้ตั้งแต่เยาว์วัย ตั้งแต่เค้าเริ่มเรียนรู้คำว่าหน้าที่ และเริ่มมีความรับผิดชอบเพื่อที่ลูกโตขึ้นไปจะเป็นสุภาพบุรุษที่มีคุณภาพไม่ใช่เพียงสร้างภาพให้คนอื่นเห็นเพื่อต้องการแค่คำเยินยอ

การสร้างความเป็นสุภาพบุรุษหรือคุณสมบัติของผู้ชายที่พึงมี สามารถปลูกฝังได้ดังนี้

1. สอนให้รู้จักหน้าที่ของตนเองและใส่ใจกับสิ่งที่ทำด้วยความตั้งใจ ไม่ใช่เพียงการทำในสิ่งที่ตนสนใจเป็นครั้งคราวแล้วเลิกราไป ควรเน้นให้เด็กทำในสิ่งที่เค้าสนใจและส่งเสริมให้จนถึงที่สุด แนะนำ นำพาไปให้ถึงเป้าหมายให้ได้

2. สอนให้เป็นเด็กที่ขยันขันแข็ง สู้งาน ไม่บ่นจู้จี้จุกจิกกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ มองข้ามผ่านจุดที่คิดว่าไม่น่าจะก่อเกิดประโยชน์ใดแต่ให้หันกลับไปมองอีกสิ่งที่น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่าและมุ่งมั่นทำให้เสร็จสิ้น

3. การให้เกียรติเพศตรงข้าม หมายถึงเพศที่อ่อนแอกว่าทั้งผู้หญิงและสาวประเภทสองที่เรียกได้ว่าอาจมีความเป็นผู้หญิงเต็มตัวจากฮอร์โมนที่เค้ามีมากจนเกินไป ทั้งด้วยสรีระและความอ่อนโยนในความเป็นหญิงนั้น ในบางครั้งบางเรื่องย่อมต้องพึ่งเพศชาย ดังนั้นไม่ควรรีรอในการที่จะให้ความช่วยเหลือหรือเสียสละ และควรสอนให้ช่วยเหลือโดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ

4. มีความเห็นอกเห็นใจแก่บุคคลที่อายุน้อยกว่าที่เรียกว่าเด็กจนไปถึงผู้สูงอายุด้วยว่าเป็นวัยที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้มากนัก ความคิดการตัดสินใจอาจช้ากว่าหรืออาจไม่รอบคอบเท่า เพราะฉะนั้นการช่วยแสดงความคิดทางการเป็นผู้นำย่อมส่งผลให้เพศชายได้มีความเป็นสุภาพบุรุษมากขึ้น

5. ควรสอนให้รู้จักมองผ่าน ไม่ขี้ฟ้องกับเรื่องที่คิดว่าไม่ใช่ของเรา เพราะการเข้าไปก้าวก่ายเรื่องของคนอื่นนั้นเป็นสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นอีกทั้งเป็นการละเมิดสิทธิ์ของผู้อื่นอีกด้วย

6. ควรสอนให้หลีกเลี่ยงการพนัน ยาเสพติดต่างๆเพราะผู้ชายจะดีไม่ดีไม่ใช่มาจากภาพที่สร้างขึ้นเพื่อเรียกร้องความสนใจหากแต่เป็นภาพลักษณ์ที่ควรออกมาจากจิตใจเอง

7. สอนให้รู้จักวางแผน ไตร่ตรอง รอบคอบ เพื่อในอนาคตที่ต้องเป็นเสาหลักให้แก่ครอบครัวที่ต้องอาศัยความเป็นผู้นำเป็นที่ตั้งเพราะฉะนั้นการตัดสินใจจึงควรมีความหนักแน่นไปด้วย

8. สอนให้รู้จัก แพ้ ชนะ อภัยมีน้ำใจเป็นนักกีฬา อาจด้วยการส่งเสริมให้เล่นกีฬาเพื่อเด็กจะได้เรียนรู้กฎของการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีระเบียบวินัยได้ และกล้ายอมรับความจริงกับข้อผิดพลาดอย่างสมเหตุสมผล

9. สอนให้เป็นนักคิดไม่ใช่ผู้ตามตลอดเวลา ให้รู้จักแก้ปัญหาต่างๆด้วยเหตุผลไม่ใช่อารมณ์

10.สอนให้รู้จักความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ การปลูกฝังให้เด็กมีความกตัญญูนั้นนับเป็นข้อที่สำคัญมาก ไม่ละทิ้งบุพการียามเจ็บไข้ หรือมีความทุกข์ปล่อยให้อยู่เพียงลำพังโดยปราศจากคนอยู่ข้างการเสียสละความสุขส่วนตนเพื่อให้บุพการีมีความสุข

11.หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง ก้าวร้าวในบ้าน เพื่อไม่ให้เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้เห็น เด็กสามารถจดจำและเรียนรู้พฤติกรรมนั้นได้ตลอดเวลา อีกทั้งควรอธิบายถึงสาเหตุจากเหตุการณ์เลวร้ายจากสื่อ สังคม และสิ่งรอบตัว สอนให้รู้จักข้อเสียของการแสดงพฤติกรรมรุนแรงและผลที่ตามมาจากความก้าวร้าวนั้น

12. สร้างตัวอย่างที่ดีให้เห็น เช่น เมื่อเด็กดูการ์ตูนจะมีฮีโร่ต่างๆ ผู้ปกครองสามารถแนะนำได้ว่าข้อดีของการมีพฤติกรรมเช่นนี้นั้นจะส่งผลอย่างไร อีกทั้งตัวบุคคลจริงที่มีให้เห็น น่ายกย่องสรรเสริญรวมไปถึงคุณพ่อที่ต้องสร้างพฤติกรรมที่ดีกับคุณแม่ให้เด็กดูเป็นตัวอย่างด้วย

13. สอนให้ลูกหัดทำงานบ้านด้วยตัวเอง ในแต่ละช่วงวัยจะมีงานบ้านที่เหมาะสม ผู้ปกครองจึงควรค่อยๆสอนให้เด็กรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ของตัวเอง เป็นสิ่งที่ตัวเอง"ต้อง"ทำ เพราะเมื่อโตขึ้นไปผู้ชายส่วนใหญ่จะผลักภาระให้ฝ่ายหญิงโดยใช้คำว่าไม่ใช่หน้าที่ แต่หากมีการช่วยทำงานบ้านจากฝ่ายชายแล้วการแบ่งเบาภาระหน้าที่นี้นั้นจะให้เกิดความสมดุลในการครองคู่ได้ดีอีกด้วย

คำว่าสุภาพบุรุษนั้นหากมองจากภายนอกแล้ว ก็คงเปรียบเหมือนดาวที่ประดับบนบ่า มีขีดมีขั้นตามมุมมองต่างกันไปแต่หากดูที่การกระทำที่แสดงออกมาแล้ว ดาวบนบ่านั้นเทียบได้เท่ากับดาวที่ประดับบนฟ้า ใครๆก็ต่างมองด้วยความชื่นชม หวังไขว่คว้าและน่ายินดีหากผู้ใดได้มาครอบครอง สำหรับผู้ปกครองแล้วหากสามารถสอนบุตรให้มีความเป็นสุภาพบุรุษได้แล้วนั้น สิ่งที่เหลือคงจะเป็นเรื่องความน่าภาคภูมิใจว่าอย่างน้อยคุณสมบัติโดยรวมนั้นคงเรียกได้ว่า เป็นคนดี ได้อย่างแน่นอน


เก้าอี้หัดนั่ง พัดลม USB สบู่อาหรับขิง

Tuesday, May 3, 2016

คุณแม่ติดช้อปออนไลน์ แก้ปัญหาอย่างไรดี?



"Fค่ะ*!... ในโลกของการช้อปปิ้งในยุคนี้ง่ายดายเพียงกดปุ่มF ที่คีย์บอร์ด" การจับจ่ายซื้อของในปัจจุบันมีให้เลือกหลายช่องทาง มากจนหาที่ว่างแทบไม่มี เดินไปทางไหนหันไปทางไหนมีแต่ของสวยๆงามๆ แม้กระทั่งก้มหน้านิ้วจิ้มก็ยังซื้อของได้ แบบนี้หรือเปล่าที่เรียกว่า "บ้าช้อป" คุณแม่หลายๆคนคงมีพฤติกรรมนี้อยู่และแก้ปัญหาไม่ได้สักที เนื่องจากความน่ารักของเสื้อผ้า รองเท้า หมวก เครื่องประดับต่างๆ เมื่อถูกโยงเข้ากับความน่าเอ็นดูไร้เดียงสาแล้ว มันช่างเข้ากันได้ดีจริงๆ พฤติกรรมการเสพสินค้าออนไลน์เกิดขึ้นจากอะไร มากเกินไปจะมีผลอย่างไร และแก้ปัญหาได้อย่างไรไม่ให้รู้สึกเหมือนว่า "มากเกินไปรึเปล่า"

วิเคราะห์พฤติกรรม:

1. พฤติกรรมทดแทนปมด้อยในวัยเยาว์ หมายถึงในวัยเด็กอาจไม่ค่อยมีของเล่นที่ได้จากการซื้อมากนัก อาจมีแค่เพียงของเล่นเอามาประยุกต์เอง เช่น กระป๋องนมเอามาเจาะทำฝักบัว แกนในทิชชู่เอามากล้องส่องทางไกล เสื้อผ้าของใช้ที่มีได้มาจากการทำขึ้นเองแบบง่ายๆปักๆเย็บๆต่อๆตอกๆเมื่อมีโอกาสจึงสรรหาทุกสิ่งทุกอย่างมาทดแทนความรู้สึกที่ขาด

2. ชอบของใหม่ ของเล่นที่เคยมีอาจไม่ล้ำนำสมัยได้แต่ของมือสอง มีคนให้มา หรือต่อจากของพี่หรือเพื่อนแบ่งให้จึงไม่รู้สึกว่ามีอะไรที่เป็นของตนเอง

3. มีของเล่น ของใช้ เสื้อผ้าน้อยชิ้นแต่ต้องใช้ ใส่ให้นานที่สุดซ่อมแล้วซ่อมอีก วนกลับมาใช้ใหม่อยู่ตลอดเวลา

4. ในมุมกลับกันทั้งหมด ถูกปลูกฝังมาจากการเลี้ยงดูท่ีผิดๆ เคยได้ตลอดเวลา มีของใหม่อยู่เสมอ เป็นที่1ตลอดเวลา จึงมาถึงคำว่าไม่เคยพอผิดกับข้อ1-3ที่เรียกว่าแทบจะไม่ค่อยได้มี

5. ชอบดูสื่อโฆษณาที่คอยกระตุ้นความอยากได้อยากมี นั่งดูไปก็ย้ำไปว่าทำอย่างไรให้ได้มาครอบครอง

6. ขาดความยั้งคิดในจุดที่เรียกว่าพอ

7. เมื่อได้ของใหม่มาสักชิ้น มักได้รับคำชมว่าสวย เลือกเก่ง เหมาะดี เลยทำให้รู้สึกว่าเป็นผู้สันทัดกรณีในการเลือกหา จึงมักนิยมของใหม่มากกว่าของมือสอง หรือมีคนให้

8. บ้านมีฐานะมีกำลังพอที่จะซื้อหาได้รวมไปถึงสื่อที่มีตอนนี้ก็ง่ายแก่การซื้อ สะดวกโอนเมื่อมีการใช้บริการธุรกรรมทางอินเตอร์เนท

ผลเสียของการมีอุปนิสัยซื้อง่ายจ่ายคล่อง:

1. เงินออมลดลงหรือแทบไม่มี บางครั้งอาจชักหน้าไม่ถึงหลัง มีหนี้สินล้นตัว เกิดการกู้หนี้ยืมสิน
2. มักถูกมองว่าใช้เงินเก่งซึ่งทั้งๆที่บางทีก็อาจบริหารเงินได้ดีอยู่แล้ว
3. สุขภาพจิตบั่นทอนเนื่องด้วยมีความต้องการอยากได้อยู่ตลอดเวลา บางรายอาจเป็นมากจนถึงขั้นต้องปรึกษาจิตแพทย์ถึงพฤติกรรมการซื้อของ
4. ไม่สามารถทำกิจกรรมอื่นได้อย่างมีสมาธิ เนื่องจากจดจ่ออยู่กับการมองหาสิ่งที่ต้องการตลอดเวลา
5.สุขภาพเสีย กล้ามเนื้อไม่ได้รับการใช้งานที่ถูกต้อง สายตาเสียจากการจ้องมองเป็นเวลานานบนหน้าจอ รีบทานรีบดื่มเพื่อจะมาเฝ้าหน้าจอ
5.ไม่สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างได้ ทำให้บกพร่องในหน้าที่การงานไป
6.เสียเวลามากเกินความจำเป็น
7. เปลืองไฟเนื่องจากต้องใช้คอมฯ ใช้โทรศัพท์มือถือ สัญญานเน็ทตลอดเวลา

อาจแก้ปัญหาได้ดังนี้

1.ลดเวลา/จำกัดเวลาในเล่นคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์เพื่อการซื้อของ เปลี่ยนเวลาที่หายไปจากการลด/จำกัดไปหากิจกรรมอื่นทำ ทำความสะอาดบ้าน จัดบ้าน สันทนาการต่างๆ

2. ตั้งเป้าหมายว่าจะเข้ามาดูอะไร เพื่ออะไรจำเป็นหรือไม่อาจโดยการจดบันทึกไว้ล่วงหน้า

3. ตั้งงบประมานในการซื้อของต่อเดือนๆ

4. หาแหล่งเงินเก็บที่มีเงินปันผลที่ดีกว่า เพื่อเพิ่มความอยากเก็บให้มากกว่าอยากจ่าย

5. ควรเปรียบเทียบราคาให้ดีระหว่างเวปนั้น เพจนี้ โพสนั้นเพื่อจะได้ของดีและราคาที่เหมาะสมจริงๆ

6.ใช้เวลาให้ตรงตามกำหนดเช่น ต้องทำงานกี่โมงถึงกี่โมงแม้จะเป็นเพียงแม่บ้านก็ตาม

7. จดบันทึกสิ่งของที่อยากได้จริงๆ

8.จำกัดวง แหล่งซื้อขายให้เหลือน้อยที่สุดเพื่อตัดปัญหาการทำตามกระแส ยึดติดสมัยนิยมใหม่

8. ควรจัดสรรปันส่วนการใช้เงินโดยแบ่งเงินเก็บ/เงินใช้/เงินออมได้

9. ของเก่าที่ยังใช้ได้ อาจนำไปขายมือสองเพื่อนำเงินมาหมุนเวียนการซื้อของใหม่ แหล่งขายของมือสองมีมากมายอาจโดยตั้งราวขาย ตลาดนัดจนถึงในเวป

10.การหักห้ามใจในการใช้เงินไม่ว่าจะทางออนไลน์หรือใช้เงินสดซื้อมา ข้อนี้ถือว่ายากมากแต่ก็ง่ายมากแค่ไม่ทำ หยุดทำ ละเลิก


ไม่ว่าการใช้เงินจะเป็นไปในทางใด สิ่งที่ได้มาล้วนสนองความอยากมีทั้งสิ้น เมื่อได้มาแล้ว พอแล้ว มากแล้ว ควรแบ่งปันให้สังคม ผู้ด้อยโอกาสบ้างเพื่อเป็นการตอบแทนสังคม การใช้เงินในทางที่เหมาะที่ควร ลดปัญหาการสร้างหนี้ หากทำได้ชีวิตจะสมดุล พอดี เพียงพอ มีกินมีใช้มีเหลือก็น่าจะนับว่า ใช้ชีวิตได้คุ้มค่าแล้ว

หมายเหตุ :
F หมายถึง CONFIRM ยืนยัน ตกลงซื้อสินค้าชิ้นนั้นๆ เป็นสัญลักษณ์ของโลกออนไลน์ เป็นที่รู้กันว่าใคร F ก่อนได้ก่อนเพราะบางครั้งต้องแย่งกันซื้อเลยทีเดียว

พัดลม USB สบู่อาหรับขิง

Wednesday, April 27, 2016

การละเล่นที่ถูกหลงลืมตามกาลเวลาแต่ก็ทำให้เรายิ้มได้เมื่อนึกถึง



    จากอดีตถึงปัจจุบันการละเล่นไทยที่นับย้อนไป 30 ปีที่แล้ว หากเราลองนั่งๆนึกๆย้อนๆกลับไป คงไม่น่าจะหนีพ้น การจับกลุ่มกับเพื่อนแถวบ้าน แบ่งทีมชายหญิงบ้าง เล่นร่วมกันบ้าง นั่งนึกๆหลายๆคนคงมีรอยยิ้มขึ้นมาเล็กๆปล่อยใจจินตนาการไป ตอนนั้นเราทำอะไรอยู่ เรียนป.อะไร เล่นกับใคร เล่นอะไร พอเวลาเปลี่ยนโดนข้ามกาลเวลาด้วยช่วงวัยที่โตขึ้นจนมาถึงวัยทำงาน มานึกออกอีกทีก็ตอนที่เรามีลูกเอง ครั้นเมื่อจะเล่นกับลูกอีกทีคราวนี้จึงถึงบทจะสรรหากิจกรรมวัยเยาว์มาให้นึกย้อน ยิ้มมุมปากจึงเริ่มเกิดขึ้นมาอีกครั้งว่าเราก็เคยเป็นเด็กแบบนี้นี่เอง

-ตบแปะ เมื่อต้องมีผู้เล่น 2 คนนั่งสลับมือตบไปๆมาๆ มีบทกลอนมั่วๆให้เราท่องจำ ปากท่องไปมือตบไป ทำท่าทำทางกันอย่างน่ารัก อาทิ นางเงือกน้อย ตบบนตบล่าง ตบหน้าตบหลัง ตบพร้อมๆกัน 1 2 3 ...หรือจะเป็น โดเรมอน โดเรมี.. ก็ยังคงทำให้เราใช้เวลาระหว่างรอคาบเรียนได้จับคู่กับเพื่อนที่ถูกใจนั่งเล่นกัน

- ทอยตุ๊กตายาง เป็นกิจกรรมยอดฮิตของพวกผู้ชายที่บางทีพาเอาพวกผู้หญิงก็หลวมตัวเข้าไปเล่นด้วยก็มี เป็นเกมส์ที่เอาตุ๊กตายางตามการ์ตูนยอดฮิตมาพันกับลวดเพื่อหน่วงน้ำหนักให้สามารถทอยได้เข้าใกล้เส้นมากที่สุด ใครคาบเส้นถือว่าเป็นผู้ชนะ ไม่แปลกใจเลยที่ผู้ชายมักจะแม่นเรื่องระยะทาง สิ่งที่ได้ประโยชน์จากกิจกรรมนี้หากไม่รวมเรื่องการพนันเข้ามา คงน่าจะเป็นเรื่องการใช้สายตาในการกะระยะ

- อีกาฟักไข่ เกมส์นี้สนุกจริงๆเลยสามารถเล่นได้ทั้งชายหญิงโดยต่างคนต่างถอดรองเท้ากองรวมกันไว้ ใครโดนเป็นอีกาต้องนั่งคร่อมกองรองเท้าสูงเท่าภูเขาก็มีหากผู้เล่นมีจำนวนเยอะก็คูณ2เข้าไปรองเท้า1คู่มี2ข้างแล้วใช้ถ่านวงรอบเอาไว้ ให้ต่างคนต่างแย่งรองเท้าในวงของตัวเองออกมาให้ได้ ใครแย่งมาไม่ได้เป็นข้างสุดท้าย คนนั้นต้องเป็นอีกาคนต่อไป สร้างความสนุก เสียงหัวเราะ ลุ้นระทึกได้ตลอดเวลา

- บอลลูนสี เกมส์นี้น่าขันนัก หากวันไหนนัดกันเล่นเกมส์นี้แล้ว บอกได้เลยว่าในวันรุ่งขึ้น ทุกคนจะใส่เสื้อผ้าที่มีสีสันออกมาเพื่อที่จะได้มีสีในตัวเยอะขึ้น เมื่อคนเป็นต้องยืนอยู่บนรอยยางมะตอยที่ยาเส้นระหว่างถนนไว้หรือการใช้ถ่านมาลากไว้ คนเป็นจะพูดสี โดยใช้คำว่า บอลลูนสี.. อะไรก็ว่าไป ใครมีสีนั้นสามารถผ่านได้สบายใจ ส่วนใครไม่มีสีที่กำหนดต้องหาวิธีหลอกล่อเอาตัวข้ามเส้นไปให้ได้ก็ถือว่ารอด ดังนั้นคนเป็นนอกจากจะต้องไวแล้วยังต้องสังเกตให้ได้ว่าใครที่วิ่งช้าและไม่มีสีอะไร เราก็ใช้สีนั้นมาพูด เพื่อที่คนเป็นจะได้ออกมาเล่นบ้าง เกมส์นี้ให้ประโยชน์ในเรื่องของความเร็ว การใช้ทักษะการสังเกต สายตา ถือว่าเป็นเกมส์มีสีสันและเรียกเหงื่อกันได้ทีเดียว

- ซ่อนหาโป้งแปะ ใครเป็นคนปิดตาก็จะนับ 1-100 เพื่อให้เวลาเพื่อนๆได้มีเวลาหาที่ซ่อน โดยอาจตั้งกฏว่าห้ามซ่อนในบ้าน ให้ซ่อนแถวบ้านตรงไหนก็ตามแต่ เมื่อนับเสร็จจึงเริ่มออกหาเพื่อน หากหาเจอให้เรียกว่าโป้ง จนกว่าจะครบจำนวนเพื่อน แต่หากไม่ครบแล้วมีผู้เล่นคนสุดท้ายมาแปะ ผู้ค้นหาก็ต้องเป็นต่อไป แต่หากสามารถค้นหาเจอได้ทุกคน คนแรกที่ถูกโป้งจะต้องเป็นผู้เป็นคนหาต่อไป สนุกมากเลยทีเดียวเกมส์นี้ ประโยชน์ที่ได้รับ นอกจากจะสร้างความสามัคคีในกลุ่มเพื่อนแล้วในการช่วยกันพยายามแปะให้ได้เพื่อไม่ให้คนถูกเจอคนแรกเป็น ถือเป็นน้ำใจในวงเพื่อน น่ารักมากเกมส์นี้

- ปิดตาทายว่าใคร คนเป็นจะต้องปิดตาไล่จับเพื่อนในวงโดยห้ามออกนอกเส้นและผู้เป็นจะนับ1-10 ให้ทุกคนหาตำแหน่งที่ตนต้องหยุดเมื่อคนเป็นนับถึง10 คนเป็นจึงเริ่มคลำเริ่มหาแบบตาบอด พอจับโดนใครให้คลำๆแล้วทายว่าใคร ถ้าทายถูกคนนั้นต้องมาเป็นคนปิดตาคนต่อไป เกมส์นี้นอกจากจะฝึกการสังเกตจากการจำบุคลิกท่าทางของเพื่อนให้ได้แล้ว สัมผัสกลิ่นก็มีส่วนช่วยเยอะ เมื่อแต่ละคนมีกลิ่นตัวที่ไม่เหมือนกันไม่นับรวมการแบ่งแยกชายหญิงก็ถือว่าเกมส์นี้ฝึกทักษะสัมผัสได้เยอะทีเดียว

ประโยชน์ของการเล่นกิจกรรมแบบนี้ร่วมกันมีดังนี้

- การรักษากฎ ไม่ว่าจะมีกิจกรรมใดให้เลือก กฎกติกาที่ถือเป็นที่ยอมรับกันเลยนั่นคือการ โอนอยออก และเป่ายิ้งฉุบ ถือเป็นกฎแรกของการเลือกผู้เป็น เป็นการสร้างนิสัยการเคารพกฎหมู่ อีกทั้งเป็นสร้างนิสัยการยอมรับความจริงได้ดีอีกด้วย
- สุขภาพร่างกายแข็งแรงจากกิจกรรมนั้นๆ
- สร้างความสามัคคี การเห็นอกเห็นใจกันเองในหมู่มิตรภาพเพื่อน
- สร้างนิสัยความซื่อสัตย์ในตัวเอง เพราะเกมส์บางเกมส์อาจมีการโกงกันได้ การไม่พยายามขี้โกงถือเป็นสิ่งที่ต้องบอกตัวเองเสมอๆว่าเราจะไม่เอาเปรียบใคร
- สร้าง/กระชับความสัมพันธ์ในหมู่เพื่อน
- สร้างนิสัยน้ำใจนักกีฬา ในการรู้แพ้รู้ชนะให้อภัย

ทั้งหมดที่กล่าวมานี้คาดว่าคงสร้างรอยยิ้มได้ไม่มากก็น้อย แล้วคุณล่ะ มีเกมส์กีฬาอะไรบ้างในวัยเด็กให้ได้นึกถึง

พัดลม USB สบู่อาหรับขิง

Monday, April 25, 2016

กลัวลูกหายติดป้ายชื่อดีหรือไม่


เมื่อเรามีความจำเป็นต้องพาลูกน้อยไปด้วยในห้างสรรพสินค้า ตลาดหรือแหล่งชุมชนที่คนพลุกพล่าน ผู้ปกครองย่อมมีความกังวลใจ กลัวว่าลูกจะพลัดหลงหรือหาย เราจึงคิดวิธีนำร่องแรกเลยคือการติดป้ายชื่อ อย่างน้อยคงจะทำให้อุ่นใจได้ว่าเมื่อลูกเราหายไป ต้องมีคนพามาคืนเราได้แน่นอนแต่ในทางกลับกัน เมื่อเรารู้สึกอุ่นใจ สบายใจแล้วว่าเด็กจะไม่สูญหายแน่นอน ก่อให้เกิด “ความประมาท”  ระหว่างทำกิจกรรม ไม่สนใจดูแลบุตรเท่าที่ควร ปล่อยเด็กละเลยสายตา และก็มีหลายครั้งหลายเหตุการณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้นกับเด็กที่เป็นวัยอยากรู้อยากเห็น คำถามก็คือเกิดขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อเรามีป้ายชื่อแล้วทำไมยังหายอีก

    ข้อดีของการติดป้ายชื่อ
1.    สามารถทำให้ผู้พบเห็นสามารถแจ้งผู้ปกครองได้ทันที เมื่อพบเจอเด็กสูญหาย
2.    สามารถนำเด็กไปส่งยังบ้าน สถานที่อาศัย ได้ในกรณีที่ติดต่อผู้ปกครองไม่ได้
3.    สามารถสร้างความคุ้นเคยกับเด็กได้ทันที
4.    ผู้ปกครองรู้สึกสบายใจเมื่อติดป้ายชื่อนี้แล้วว่า จะได้พบตัวคืนแน่นอนกรณีพลัดหลงหรือสูญหาย
ข้อเสียของการติดป้ายชื่อ
1.    คนร้ายอาจอาศัยป้ายชื่อ เรียกชื่อในการทำความคุ้นเคย สร้างความสนิทสนมกับเด็กได้ เพราะเด็กจะคิดว่าในเมื่อรู้จักชื่อเรา ก็น่าจะเป็นคนที่เราไปด้วยได้หรือพาเราไปแม่ได้ เด็กก็จะไปโดยไม่สงสัยเลยว่าอาจเป็นการลักพาตัว
2.    เมื่อคนร้ายได้ชื่อ ที่อยู่ที่ติดมากับตัวเด็กแล้ว ก็จะท่องจำ เมื่อมีการตรวจสอบหากกรณีที่ถูกจับได้และเป็นผู้ต้องสงสัย คนร้ายจะตอบข้อมูลได้ตรงตามความจริง หากมีเปรียบเทียบคำตอบกับเด็ก เจ้าหน้าที่ก็จะปล่อยตัวไป
 

การป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ สามารถทำได้หลายวิธี อาทิ การให้เด็กเรียนรู้การออกนอนสถานที่ การชี้นำการป้องกันกรณีเกิดการสูญหายพลัดหลง การพาเด็กให้รู้จักสถานที่เฉพาะหากเกิดการพลัดหลง  การสอนให้เด็กไม่ไว้ใจคนแปลกหน้า การสอนให้เด็กรู้จักวิธีป้องกันตัวอง การให้เด็กท่องจำเบอร์โทรผู้ปกครองหากอยู่ในวัยที่สามารถท่องได้แล้ว เพราะเมื่อเทียบระหว่าง ป้ายชื่อกับการท่องจำนั้น ประโยชน์และโทษนั้นต่างกันไปโดยสิ้นเชิง การไม่มีป้ายชื่อตัดปัญหาความไว้ใจในป้ายชื่อ ให้กลับมาคอยระแวดระวังมากขึ้นเพราะเมื่อคนร้ายจูงเด็กไปได้ โดยที่เด็กไม่ร้อง ไม่แสดงอาการตกใจ

ป้ายชื่อนี้ก็ถือว่าไม่สำคัญเลยหากเปรียบเทียบกับความเอาใจใส่ในการดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด และควรมั่นใจว่าสถานที่พาไปไม่เสี่ยงต่อการพลัดหลง หากผู้ปกครองสามารถดูแลได้ดี จับมือจูงมือ คอยดูไม่ให้ห่างสายตา ปัญหาเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น หากผู้ปกครองรักและใส่ใจบุตรหลานของท่านให้มากขึ้น ปัญหาอาชญากรรมก็ลดลงไปตามกัน 

พัดลม USB สบู่อาหรับขิง