Tuesday, May 24, 2016

ลูกในวัยอนุบาล.."มีแฟน"!



         คงเป็นเรื่อง ที่น่าตกใจมากเมื่อลูกเดินมาบอกว่า"หนูมีแฟน" ด้วยวัยเพียง 3-5 ขวบ เกิดอะไรขึ้นกับสังคมในปัจจุบัน สิ่งแวดล้อมในโรงเรียน ความเอาใจใส่จาก ผู้ปกครองและครูบาดตกบกพร่องตรงไหนกัน เด็กอาจพูดแค่สนุกปากแต่ในใจ ผู้ปกครองแล้วนั้นคงจะวิตกไม่น้อยหากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เราควรจะแก้ปัญหาตรงจุดไหน อย่างไรเพื่อไม่ให้วิถีชีวิตที่ลัดขั้นตอนขนาดนี้เกิดขึ้นได้ในวัยอันไม่สมควร

วิเคราะห์สาเหตุ:

 1.การดูสื่อมากเกินไป ทั้งๆที่มีการแจ้งเตือนช่วงก่อนเข้าละครแล้วนั้นว่าเหมาะสำหรับวัยไหน แต่คงไม่อาจกีดกั้นความอยากรู้อยากเห็นช่างจดจำไปได้แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธไม่ให้เด็กดูได้เช่นกัน

2. การละเลยความเอาใจใส่ที่เข้มงวดกับบางเรื่องของผู้ปกครองเอง ที่ไม่แนะนำให้เด็กเข้าใจพฤติกรรมบางอย่างที่ไม่ได้ผิดหากแต่ยังไม่ถึงเวลาที่จะทำในตอนนั้น การที่ ผู้ปกครองเห็นเป็นเรื่องไม่น่าวิตกกังวลนั้นถือว่าเป็นการสร้างพฤติกรรมแฝงให้เด็กรับรู้ว่านั่นคือสิ่งที่ทำได้

3. การที่ผู้ปกครองรู้สึกสนุก ตลกไปกับคำพูดของเด็กว่ามีแฟนแล้ว เป็นสิ่งที่เรียกได้ว่าส่งเสริมกันเลยทีเดียว เมื่อผู้ใหญ่ไม่ได้ห้าม ไม่ทักเลยอีกทั้งส่งเสริมไปด้วยเด็กจึงคิดว่าสิ่งนั้นไม่ผิดเลย เสมือนให้ท้าย

4. การละเลยจากฝ่ายครู อาจารย์ที่ไม่ดูแล และขาดความรับผิดชอบต่อสังคม ด้วยว่าครูเป็นผู้ดูแลสังคมที่เป็นหมู่คณะแต่ขาดคุณสมบัติดังกล่าว เด็กจึงคิดว่าในสังคมโรงเรียนเด็กสามารถจับคู่ได้เพศชายหญิง เล่นบทบาทสมมุติพ่อแม่ที่เกินจริง (เนื่องด้วยที่บ้านไม่สามารถทำได้) ระหว่างเพศชาย/หญิงเลือกเฟ้นจากหน้าตาเป็นหลัก จึงเกิดการจับคู่อีกทั้งเพื่อนๆที่คอยล้อเลียนจนเกิดความเคยชินในพฤติกรรมนี้

5. เด็กมีปมด้อยในเรื่องของครอบครัวไม่ครบจึงสรรหาสิ่งทดแทนในเพศตรงข้ามก่อนวัยอันควรมากและเร็วเกินไป รวมไปถึงขาดในเพศเดียวกันเช่นลูกสาวขาดแม่ ลูกชายขาดพ่อ

6. เพื่อนเล่นแถวบ้านมีเพศตรงข้ามมากเกินไป เช่นมีลูกสาวแต่ทั้งหมู่บ้านมีเพื่อนเล่นเพศชายเกิน80% เด็กจึงเกิดความเคยชินในการได้สัมผัสเพื่อนต่างเพศได้มากขึ้นตามไป

7. เด็กขาดการได้รับการส่งเสริมที่เหมาะสม มีขีดจำกัดในการเล่น เช่นเด็กผู้หญิงเล่นแต่ตุ๊กตาไม่เคยมีหุ่นยนต์หรือเครื่องมือซ่อมแซมบ้านเลย เมื่อได้เห็นเพื่อนชายเล่นของเล่นของเพศตนเองจึงเกิดความประทับใจว่าเก่ง เท่ห์ อยากอยู่ใกล้ๆเพื่ออาจจะมีโอกาสได้เล่นหรือสัมผัสบ้าง จึงเกิดความรู้สึกที่ว่าอยากเพื่อนต่างเพศมาคอยทดแทนสิ่งที่ขาดหายไป ทั้งๆที่ตนก็สามารถเล่นได้แต่ขาดการส่งเสริมที่ดี

แนวทางแก้ไข:

1.    ลดปัญหาจากการดูทีวี ละคร สื่อต่างๆที่ส่งเสริมไปในทางที่ไม่ดี หรือจำเป็นต้องดูควรคอยให้คำแนะนำในขณะที่ดูร่วมกัน คอยสอน ยกตัวอย่างเปรียบเทียบสิ่งที่ดีและไม่ดี ควรทำหรือไม่ควรทำ และควรทำในวัยไหนเมื่อไหร่ ไม่กีดกั้นแต่ไม่ได้ส่งเสริม อาจจะยากมากเพราะทั้งในละคร สื่อและชีวิตจริงเป็นสิ่งที่เด็กเห็นตลอดเวลา ควรให้คำแนะนำตามสถานการณ์ที่พบเจอ

2.    ควรใส่ใจกับพฤติกรรมลูกตั้งแต่วัยเด็กว่ามีความสนใจไปทางไหนเป็นพิเศษ เป็นไปในทิศทางใด เพื่อที่จะสามารถป้องกันดูแลได้ทันเวลา การให้ความใส่ใจนั้นไม่ใช่เพียงแต่การสอนให้มีพัฒนาการที่ดี เรียนหนังสือเก่ง หากแต่การใช้ชีวิตในสังคมวงกว้างที่มีหลายระดับอายุอยู่ด้วยนั้นเป็นข้อจำกัดในการสร้างภาพให้เห็นความแตกต่าง ผู้ปกครองจึงควรถือโอกาสนี้ให้คำแนะนำไปในตัวเลย

3.    ชัดเจนในคำสั่งสอน ให้เด็กรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่ผู้ปกครองเน้นย้ำ ไม่เพียงแต่การปล่อยไปตามคำพูดของเด็ก และหมั่นทบทวนคำสอนนั้นเป็นระยะไม่ทิ้งช่วงเพราะเด็กอาจหลงลืมไปได้ตามเวลาและวัย และควรเป็นอย่างยิ่งที่จะคอยตรวจสอบทัศนคติของเด็กเกี่ยวกับเรื่องเพศศึกษา รับฟังและคอยแนะนำเด็ก ถามไถ่ถึงวิธีแก้ปัญหาจากตัวเด็กเองเพื่อให้คำสั่งสอนนั้นเป็นกลางและเด็กสามารถยอมรับได้ด้วยว่าตนเองมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหานั้นด้วยตัวเอง

4.    คอยสอบถามพฤติกรรมเด็กจากครูผู้สอนว่าในขณะอยู่ที่โรงเรียนนั้นมีพฤติกรรมอย่างไร ออกไปในทางไหน การเข้าสังคมของเด็กเป็นเช่นไร เช่น ชอบเล่นกับเด็กผู้ชายหรือผู้หญิงมากกว่ากัน ยามว่างเด็กทำกิจกรรมอะไรบ้าง และควรสอบถามถึงแนวทางร่วมกันแก้ปัญหาหากเกิดปัญหาเรื่องนี้ขึ้น ในลักษณะขอความร่วมมือไม่ใช่บังคับครูให้ดูแลเด็กของเราเป็นพิเศษ อาจเกิดความไม่พอใจและละเลยไปเลยก็ได้

5.    ควรสอนให้เด็กยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นในครอบครัวเมื่อต้องมีบุคคลใดบุคคลหนึ่งหายไปให้เด็กปรับสภาพ และคอยสอบถามถึงความต้องการทดแทนของเด็กอยู่เสมอ เมื่อเด็กขาดความรักมักจะหาสิ่งทดแทนผู้ปกครองจึงควรใส่ใจที่จะคอยสังเกตพฤติกรรมด้วยเช่นกัน
6.    คอยจำกัด ดูแล และสอนในการคัดเลือกการเล่นกับเพื่อนให้รู้ว่าเพื่อนแบบไหนดีไม่ดี ลักษณะการเล่นของเด็กชายและเด็กหญิงต่างกันอย่างไร

7.    สร้างความสมดุลในการเล่น ให้ได้เล่นทั้งของเล่นเด็กชายและเด็กหญิง เด็กจะทราบเองว่า อะไร อย่างไรที่เหมาะสมกับตัวเค้า หากไม่มีให้เลือกเลยเด็กจะคอยมองแต่สิ่งที่ไม่มีและจะค้นคว้า ทำทุกอย่างให้ได้มาหรือได้มองใกล้ๆก็พอใจแล้ว เมื่อเด็กได้ใกล้ชิดกับเพศตรงข้ามมากเกินไป เด็กจะซึมซับและเกิดความใกล้ชิดกันบางทีอาจจะเกินขอบเขตเป็นที่แปลกตาแก่คนทั่วไป ทั้งนี้ไม่ได้จำกัดมากแต่หากเกิดความสมดุลแล้วเด็กจะพัฒนาไปทางที่ดีขึ้น

หากเราให้ความสนใจแต่เรื่องเรียน การเล่น จนไม่มองพฤติกรรมลูกที่ค่อยๆเปลี่ยนไปนั้นอาจส่งผลเสียในภายหลังและอาจไม่ทันได้แก้ไขใดๆได้ การใกล้ชิดก่อให้เกิดความผูกพันและอยากยึดครองสิ่งนั้นมาเป็นของตน เด็กก็เช่นเดียวกัน อำนาจที่แสดงออกได้อาจไม่ใช่การพาไปดูหนัง กินข้าว หากแต่เป็นเพียงการสร้างจินตนาการขึ้นเองและแสดงออกในทางคำพูดมากกว่า อาจมีปฏิกิริยาร่วมเช่น เขินอายเมื่ออยู่ใกล้ การแบ่งขนมให้ หากผู้ปกครองแนะนำส่งเสริมไปในทางที่ดีเด็กก็จะเรียนรู้ได้ว่า การมีเพื่อนต่างเพศไม่ใช่เรื่องผิดแต่ควรวางตัวให้เหมาะสมเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับอีกฝ่าย อีกทั้งยังเป็นการรักษาระดับหน้าที่ของวัยเด็กที่ควรมุ่งแต่การศึกษาเป็นหลัก ไม่ออกนอกลู่นอกทางก่อนวัยอันควร จึงควรได้มีการร่วมมือกันระหว่างเด็ก ผู้ปกครองและครู เพื่อให้เด็กได้มีการเจริญเติบโตที่น่ารักสมวัยต่อไป


เก้าอี้หัดนั่ง พัดลม USB สบู่อาหรับขิง

Sunday, May 15, 2016

สอนลูกชายให้เป็นสุภาพบุรุษ



น่าจะเป็นภาพที่น่ารักหากเราได้มีลูกชายเดินจูงมือ ถือของให้คอยให้การช่วยเหลือปกป้องแม่ได้ในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง เมื่อเรามีลูกชาย สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นในใจคือคำว่า สุภาพบุรุษ ในสายตาของคนรอบข้างจึงเป็นที่น่าชื่นชมนักหากภาพที่เห็นนั้นคือลูกชายของเราเองที่กำลังแสดงความเป็นสุภาพบุรุษออกมาให้คนพบเห็นจนน่าอิจฉา ความเป็นสุภาพบุรุษของผู้ชายนั้นเราสามารถปลูกฝังได้ตั้งแต่เยาว์วัย ตั้งแต่เค้าเริ่มเรียนรู้คำว่าหน้าที่ และเริ่มมีความรับผิดชอบเพื่อที่ลูกโตขึ้นไปจะเป็นสุภาพบุรุษที่มีคุณภาพไม่ใช่เพียงสร้างภาพให้คนอื่นเห็นเพื่อต้องการแค่คำเยินยอ

การสร้างความเป็นสุภาพบุรุษหรือคุณสมบัติของผู้ชายที่พึงมี สามารถปลูกฝังได้ดังนี้

1. สอนให้รู้จักหน้าที่ของตนเองและใส่ใจกับสิ่งที่ทำด้วยความตั้งใจ ไม่ใช่เพียงการทำในสิ่งที่ตนสนใจเป็นครั้งคราวแล้วเลิกราไป ควรเน้นให้เด็กทำในสิ่งที่เค้าสนใจและส่งเสริมให้จนถึงที่สุด แนะนำ นำพาไปให้ถึงเป้าหมายให้ได้

2. สอนให้เป็นเด็กที่ขยันขันแข็ง สู้งาน ไม่บ่นจู้จี้จุกจิกกับเรื่องเล็กๆน้อยๆ มองข้ามผ่านจุดที่คิดว่าไม่น่าจะก่อเกิดประโยชน์ใดแต่ให้หันกลับไปมองอีกสิ่งที่น่าจะเป็นประโยชน์มากกว่าและมุ่งมั่นทำให้เสร็จสิ้น

3. การให้เกียรติเพศตรงข้าม หมายถึงเพศที่อ่อนแอกว่าทั้งผู้หญิงและสาวประเภทสองที่เรียกได้ว่าอาจมีความเป็นผู้หญิงเต็มตัวจากฮอร์โมนที่เค้ามีมากจนเกินไป ทั้งด้วยสรีระและความอ่อนโยนในความเป็นหญิงนั้น ในบางครั้งบางเรื่องย่อมต้องพึ่งเพศชาย ดังนั้นไม่ควรรีรอในการที่จะให้ความช่วยเหลือหรือเสียสละ และควรสอนให้ช่วยเหลือโดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ

4. มีความเห็นอกเห็นใจแก่บุคคลที่อายุน้อยกว่าที่เรียกว่าเด็กจนไปถึงผู้สูงอายุด้วยว่าเป็นวัยที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้มากนัก ความคิดการตัดสินใจอาจช้ากว่าหรืออาจไม่รอบคอบเท่า เพราะฉะนั้นการช่วยแสดงความคิดทางการเป็นผู้นำย่อมส่งผลให้เพศชายได้มีความเป็นสุภาพบุรุษมากขึ้น

5. ควรสอนให้รู้จักมองผ่าน ไม่ขี้ฟ้องกับเรื่องที่คิดว่าไม่ใช่ของเรา เพราะการเข้าไปก้าวก่ายเรื่องของคนอื่นนั้นเป็นสิ่งที่ควรจะเกิดขึ้นอีกทั้งเป็นการละเมิดสิทธิ์ของผู้อื่นอีกด้วย

6. ควรสอนให้หลีกเลี่ยงการพนัน ยาเสพติดต่างๆเพราะผู้ชายจะดีไม่ดีไม่ใช่มาจากภาพที่สร้างขึ้นเพื่อเรียกร้องความสนใจหากแต่เป็นภาพลักษณ์ที่ควรออกมาจากจิตใจเอง

7. สอนให้รู้จักวางแผน ไตร่ตรอง รอบคอบ เพื่อในอนาคตที่ต้องเป็นเสาหลักให้แก่ครอบครัวที่ต้องอาศัยความเป็นผู้นำเป็นที่ตั้งเพราะฉะนั้นการตัดสินใจจึงควรมีความหนักแน่นไปด้วย

8. สอนให้รู้จัก แพ้ ชนะ อภัยมีน้ำใจเป็นนักกีฬา อาจด้วยการส่งเสริมให้เล่นกีฬาเพื่อเด็กจะได้เรียนรู้กฎของการอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีระเบียบวินัยได้ และกล้ายอมรับความจริงกับข้อผิดพลาดอย่างสมเหตุสมผล

9. สอนให้เป็นนักคิดไม่ใช่ผู้ตามตลอดเวลา ให้รู้จักแก้ปัญหาต่างๆด้วยเหตุผลไม่ใช่อารมณ์

10.สอนให้รู้จักความกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ การปลูกฝังให้เด็กมีความกตัญญูนั้นนับเป็นข้อที่สำคัญมาก ไม่ละทิ้งบุพการียามเจ็บไข้ หรือมีความทุกข์ปล่อยให้อยู่เพียงลำพังโดยปราศจากคนอยู่ข้างการเสียสละความสุขส่วนตนเพื่อให้บุพการีมีความสุข

11.หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง ก้าวร้าวในบ้าน เพื่อไม่ให้เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้เห็น เด็กสามารถจดจำและเรียนรู้พฤติกรรมนั้นได้ตลอดเวลา อีกทั้งควรอธิบายถึงสาเหตุจากเหตุการณ์เลวร้ายจากสื่อ สังคม และสิ่งรอบตัว สอนให้รู้จักข้อเสียของการแสดงพฤติกรรมรุนแรงและผลที่ตามมาจากความก้าวร้าวนั้น

12. สร้างตัวอย่างที่ดีให้เห็น เช่น เมื่อเด็กดูการ์ตูนจะมีฮีโร่ต่างๆ ผู้ปกครองสามารถแนะนำได้ว่าข้อดีของการมีพฤติกรรมเช่นนี้นั้นจะส่งผลอย่างไร อีกทั้งตัวบุคคลจริงที่มีให้เห็น น่ายกย่องสรรเสริญรวมไปถึงคุณพ่อที่ต้องสร้างพฤติกรรมที่ดีกับคุณแม่ให้เด็กดูเป็นตัวอย่างด้วย

13. สอนให้ลูกหัดทำงานบ้านด้วยตัวเอง ในแต่ละช่วงวัยจะมีงานบ้านที่เหมาะสม ผู้ปกครองจึงควรค่อยๆสอนให้เด็กรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ของตัวเอง เป็นสิ่งที่ตัวเอง"ต้อง"ทำ เพราะเมื่อโตขึ้นไปผู้ชายส่วนใหญ่จะผลักภาระให้ฝ่ายหญิงโดยใช้คำว่าไม่ใช่หน้าที่ แต่หากมีการช่วยทำงานบ้านจากฝ่ายชายแล้วการแบ่งเบาภาระหน้าที่นี้นั้นจะให้เกิดความสมดุลในการครองคู่ได้ดีอีกด้วย

คำว่าสุภาพบุรุษนั้นหากมองจากภายนอกแล้ว ก็คงเปรียบเหมือนดาวที่ประดับบนบ่า มีขีดมีขั้นตามมุมมองต่างกันไปแต่หากดูที่การกระทำที่แสดงออกมาแล้ว ดาวบนบ่านั้นเทียบได้เท่ากับดาวที่ประดับบนฟ้า ใครๆก็ต่างมองด้วยความชื่นชม หวังไขว่คว้าและน่ายินดีหากผู้ใดได้มาครอบครอง สำหรับผู้ปกครองแล้วหากสามารถสอนบุตรให้มีความเป็นสุภาพบุรุษได้แล้วนั้น สิ่งที่เหลือคงจะเป็นเรื่องความน่าภาคภูมิใจว่าอย่างน้อยคุณสมบัติโดยรวมนั้นคงเรียกได้ว่า เป็นคนดี ได้อย่างแน่นอน


เก้าอี้หัดนั่ง พัดลม USB สบู่อาหรับขิง

Tuesday, May 3, 2016

คุณแม่ติดช้อปออนไลน์ แก้ปัญหาอย่างไรดี?



"Fค่ะ*!... ในโลกของการช้อปปิ้งในยุคนี้ง่ายดายเพียงกดปุ่มF ที่คีย์บอร์ด" การจับจ่ายซื้อของในปัจจุบันมีให้เลือกหลายช่องทาง มากจนหาที่ว่างแทบไม่มี เดินไปทางไหนหันไปทางไหนมีแต่ของสวยๆงามๆ แม้กระทั่งก้มหน้านิ้วจิ้มก็ยังซื้อของได้ แบบนี้หรือเปล่าที่เรียกว่า "บ้าช้อป" คุณแม่หลายๆคนคงมีพฤติกรรมนี้อยู่และแก้ปัญหาไม่ได้สักที เนื่องจากความน่ารักของเสื้อผ้า รองเท้า หมวก เครื่องประดับต่างๆ เมื่อถูกโยงเข้ากับความน่าเอ็นดูไร้เดียงสาแล้ว มันช่างเข้ากันได้ดีจริงๆ พฤติกรรมการเสพสินค้าออนไลน์เกิดขึ้นจากอะไร มากเกินไปจะมีผลอย่างไร และแก้ปัญหาได้อย่างไรไม่ให้รู้สึกเหมือนว่า "มากเกินไปรึเปล่า"

วิเคราะห์พฤติกรรม:

1. พฤติกรรมทดแทนปมด้อยในวัยเยาว์ หมายถึงในวัยเด็กอาจไม่ค่อยมีของเล่นที่ได้จากการซื้อมากนัก อาจมีแค่เพียงของเล่นเอามาประยุกต์เอง เช่น กระป๋องนมเอามาเจาะทำฝักบัว แกนในทิชชู่เอามากล้องส่องทางไกล เสื้อผ้าของใช้ที่มีได้มาจากการทำขึ้นเองแบบง่ายๆปักๆเย็บๆต่อๆตอกๆเมื่อมีโอกาสจึงสรรหาทุกสิ่งทุกอย่างมาทดแทนความรู้สึกที่ขาด

2. ชอบของใหม่ ของเล่นที่เคยมีอาจไม่ล้ำนำสมัยได้แต่ของมือสอง มีคนให้มา หรือต่อจากของพี่หรือเพื่อนแบ่งให้จึงไม่รู้สึกว่ามีอะไรที่เป็นของตนเอง

3. มีของเล่น ของใช้ เสื้อผ้าน้อยชิ้นแต่ต้องใช้ ใส่ให้นานที่สุดซ่อมแล้วซ่อมอีก วนกลับมาใช้ใหม่อยู่ตลอดเวลา

4. ในมุมกลับกันทั้งหมด ถูกปลูกฝังมาจากการเลี้ยงดูท่ีผิดๆ เคยได้ตลอดเวลา มีของใหม่อยู่เสมอ เป็นที่1ตลอดเวลา จึงมาถึงคำว่าไม่เคยพอผิดกับข้อ1-3ที่เรียกว่าแทบจะไม่ค่อยได้มี

5. ชอบดูสื่อโฆษณาที่คอยกระตุ้นความอยากได้อยากมี นั่งดูไปก็ย้ำไปว่าทำอย่างไรให้ได้มาครอบครอง

6. ขาดความยั้งคิดในจุดที่เรียกว่าพอ

7. เมื่อได้ของใหม่มาสักชิ้น มักได้รับคำชมว่าสวย เลือกเก่ง เหมาะดี เลยทำให้รู้สึกว่าเป็นผู้สันทัดกรณีในการเลือกหา จึงมักนิยมของใหม่มากกว่าของมือสอง หรือมีคนให้

8. บ้านมีฐานะมีกำลังพอที่จะซื้อหาได้รวมไปถึงสื่อที่มีตอนนี้ก็ง่ายแก่การซื้อ สะดวกโอนเมื่อมีการใช้บริการธุรกรรมทางอินเตอร์เนท

ผลเสียของการมีอุปนิสัยซื้อง่ายจ่ายคล่อง:

1. เงินออมลดลงหรือแทบไม่มี บางครั้งอาจชักหน้าไม่ถึงหลัง มีหนี้สินล้นตัว เกิดการกู้หนี้ยืมสิน
2. มักถูกมองว่าใช้เงินเก่งซึ่งทั้งๆที่บางทีก็อาจบริหารเงินได้ดีอยู่แล้ว
3. สุขภาพจิตบั่นทอนเนื่องด้วยมีความต้องการอยากได้อยู่ตลอดเวลา บางรายอาจเป็นมากจนถึงขั้นต้องปรึกษาจิตแพทย์ถึงพฤติกรรมการซื้อของ
4. ไม่สามารถทำกิจกรรมอื่นได้อย่างมีสมาธิ เนื่องจากจดจ่ออยู่กับการมองหาสิ่งที่ต้องการตลอดเวลา
5.สุขภาพเสีย กล้ามเนื้อไม่ได้รับการใช้งานที่ถูกต้อง สายตาเสียจากการจ้องมองเป็นเวลานานบนหน้าจอ รีบทานรีบดื่มเพื่อจะมาเฝ้าหน้าจอ
5.ไม่สามารถมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างได้ ทำให้บกพร่องในหน้าที่การงานไป
6.เสียเวลามากเกินความจำเป็น
7. เปลืองไฟเนื่องจากต้องใช้คอมฯ ใช้โทรศัพท์มือถือ สัญญานเน็ทตลอดเวลา

อาจแก้ปัญหาได้ดังนี้

1.ลดเวลา/จำกัดเวลาในเล่นคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์เพื่อการซื้อของ เปลี่ยนเวลาที่หายไปจากการลด/จำกัดไปหากิจกรรมอื่นทำ ทำความสะอาดบ้าน จัดบ้าน สันทนาการต่างๆ

2. ตั้งเป้าหมายว่าจะเข้ามาดูอะไร เพื่ออะไรจำเป็นหรือไม่อาจโดยการจดบันทึกไว้ล่วงหน้า

3. ตั้งงบประมานในการซื้อของต่อเดือนๆ

4. หาแหล่งเงินเก็บที่มีเงินปันผลที่ดีกว่า เพื่อเพิ่มความอยากเก็บให้มากกว่าอยากจ่าย

5. ควรเปรียบเทียบราคาให้ดีระหว่างเวปนั้น เพจนี้ โพสนั้นเพื่อจะได้ของดีและราคาที่เหมาะสมจริงๆ

6.ใช้เวลาให้ตรงตามกำหนดเช่น ต้องทำงานกี่โมงถึงกี่โมงแม้จะเป็นเพียงแม่บ้านก็ตาม

7. จดบันทึกสิ่งของที่อยากได้จริงๆ

8.จำกัดวง แหล่งซื้อขายให้เหลือน้อยที่สุดเพื่อตัดปัญหาการทำตามกระแส ยึดติดสมัยนิยมใหม่

8. ควรจัดสรรปันส่วนการใช้เงินโดยแบ่งเงินเก็บ/เงินใช้/เงินออมได้

9. ของเก่าที่ยังใช้ได้ อาจนำไปขายมือสองเพื่อนำเงินมาหมุนเวียนการซื้อของใหม่ แหล่งขายของมือสองมีมากมายอาจโดยตั้งราวขาย ตลาดนัดจนถึงในเวป

10.การหักห้ามใจในการใช้เงินไม่ว่าจะทางออนไลน์หรือใช้เงินสดซื้อมา ข้อนี้ถือว่ายากมากแต่ก็ง่ายมากแค่ไม่ทำ หยุดทำ ละเลิก


ไม่ว่าการใช้เงินจะเป็นไปในทางใด สิ่งที่ได้มาล้วนสนองความอยากมีทั้งสิ้น เมื่อได้มาแล้ว พอแล้ว มากแล้ว ควรแบ่งปันให้สังคม ผู้ด้อยโอกาสบ้างเพื่อเป็นการตอบแทนสังคม การใช้เงินในทางที่เหมาะที่ควร ลดปัญหาการสร้างหนี้ หากทำได้ชีวิตจะสมดุล พอดี เพียงพอ มีกินมีใช้มีเหลือก็น่าจะนับว่า ใช้ชีวิตได้คุ้มค่าแล้ว

หมายเหตุ :
F หมายถึง CONFIRM ยืนยัน ตกลงซื้อสินค้าชิ้นนั้นๆ เป็นสัญลักษณ์ของโลกออนไลน์ เป็นที่รู้กันว่าใคร F ก่อนได้ก่อนเพราะบางครั้งต้องแย่งกันซื้อเลยทีเดียว

พัดลม USB สบู่อาหรับขิง